กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกที่ได้เขียนลงพันทิป ถ้าผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ
ผมคบผู้หญิงคนนึงเป็นแฟนกันมาได้5ปีแล้ว พื้นฐานทางครอบครัวเราต่างกันมาก
ครอบครัวผมทางบ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ส่วนตัวผมเอง เป็นอินทีเรียดีไซเนอร์ (ฟรีแลนซ์)
ส่วนครอบครัวของเธอ เธออยู่กับคุณป้าในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว
คุณป้าเธอเป็นแม่บ้าน และเธอทำงานเป็นฝ่ายธุรการในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนประมาณ9พันกว่าบาท/เดือน
เมื่อคบมาได้ซักประมาณ3ปีกว่าๆผมและเธอก็มีความเห็นว่า อยากแต่งงาน เธอและครอบครัวเธอจะได้ย้ายออกมาจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่
ผมเลยไปคุยกับคุณป้าของเธอ ว่าอยากจะสู่ขอหลานสาว คุณป้าจะว่ายังไงบ้างครับ
คุณป้าของเธอ เรียกสินสอดผมจำนวน 5แสน ทอง20บาท บ้านใหม่1หลัง และรถยนต์ใหม่ป้ายแดง1คัน
โอ…… ผมstunไปเลยครับ เงินไม่ใช่น้อยๆเลยนะนั่น แต่ทางบ้านของผู้หญิง คงจะเห็นว่าครอบครัวของผมมีธุรกิจ น่าจะช่วยเหลือผมเต็มที่
ซึ่งมันก็จริงครับ ครอบครัวพร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยผมเต็มที่
แต่เชื่อว่าด้วยความเป็นผู้ชาย จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็อยากจะโผบินด้วยปีกของตัวเองกันทุกคน
ผมจึงบอกคุณป้าของเธอว่าตกลงครับ ผมจะรีบหาสินทรัพย์มาสู่ขอหลานสาวคุณป้า
หลังจากนั้น ผมก็ทำงานหนักขึ้น รับงานมากขึ้น พักผ่อนน้อยลง แต่ก็ยังส่งเงินให้แฟนใช้จ่ายภายในบ้านของเธอ เดือนละประมาณ2หมื่นทุกเดือนไม่ตกหล่น
แต่ปัญหามันเริ่มจากนี้ครับ ผ่านไป1ปีแฟนผมและป้าเธอเริ่มเร่งรัด จะให้รีบแต่งได้แล้ว ผมจึงตัดสินใจไปรับจ๊อบ ออกแบบภายใน ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา6เดือน
ขณะที่อยู่ที่สิงคโปร์ เราก็เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น และเพื่อนของเธอก็คอยยุให้เธอเลิกกับผมหนักขึ้น เมื่อผมกลับถึงไทย สิ่งแรกที่ทำหลังจากไปหาครอบครัวผมเสร็จ ก็คือตรงไปที่บ้านของเธอเพื่อคุยกับคุณป้าเธอเรื่องสู่ขอ
แต่……
เธอมีแฟนใหม่เรียบร้อยแล้วครับ แฟนเธอเป็นทอมที่คอยคุมพวกเด็กนวดเด็กร้านคาราโอเกะอะไรประมาณนั้น จากที่ได้ยินมาจากเพื่อนๆผมเล่ามาอีกที
ส่วนคุณป้าเธอก็เห็นดีกับเธอด้วยที่เธอมีแฟนเป็นคนที่ทำอาชีพนี้
ผมก็เลยต้องคอตก กลับบ้านมาแบบ งงๆ
ก่อนกลับ คุณป้าของเธอ บอกว่าครอบครัวผมเห็นแก่ตัว ลูกจะแต่งงานไม่ยอมช่วยเรื่องเงินต้องให้ลูกหาเงินมาแต่งเอง และก็บอกว่าผมเห็นแก่ตัว ที่ทำงานฟรีแลนซ์ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ดูไม่มั่นคง แล้วแบบนี้จะเลี้ยงหลานเค้าได้อย่างไร ผมก็ได้แต่คิดในใจ ว่าแล้วที่ผ่านมาผมก็เลี้ยงทั้งแฟน และเลี้ยงทั้งครอบครัวแฟนนี่หน่า
น่าแปลกนะครับทั้งๆที่ครอบครัวผมไม่เคยดูถูกหรือว่าครอบครัวเธอเลย มิหนำซ้ำยังพร้อมช่วยเหลือครอบครัวของเธอเสมอมา ถ้าไม่นับเรื่องแต่งงาน ที่ผมได้ยืนยันว่าผมจำทำด้วยตัวของผมเอง แต่กลับโดนครอบครัวของเธอด่าครอบครัวผม เหมือนผมและทางบ้านเป็นกากเดนซะเต็มประดา
ผมกลับมาถึงบ้าน ก็นั่ง งง กับชีวิตตัวเอง รวบรวมสติและค่อยๆประมวลผล
สินสอดที่ครอบครัวเธอเรียกมา สำหรับผม ไม่ใช่น้อยๆเลย
คงผิดที่ผมเอง ที่ตัดสินใจกางปีกเอง
แล้ว ที่ครอบครัวเธอคุยกับผมไว้ ว่า”อยากจะหลุพ้นจากสลัมนี่ซักที” มันคืออะไร?
ผ่านไปได้เดือนกว่าแล้ว
ล่าสุดเมื่อ3วันที่แล้วคุณป้าของเธอโทรมาต่อว่าผม เพราะผมไม่ส่งเงินไปช่วยผ่อนค่าเครื่องซักผ้าที่เธอซื้อใหม่โดยใช้บัตรผ่อน บอกว่าผมไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ผมควรจะส่งเงินไปช่วยเธอดีไหมครับ หลังจากเจอเหตุการณ์แบบนี้?
ปัจฉิมลิขิต : ส่วนตัวผมไม่ได้อคติกับทอมนะครับ ผมมีเพื่อนเป็นทอมที่มีนิสัยน่ารักเยอะมาก แต่แฟนทอมคนใหม่ของเธอ อยู่ในประเภท หน้า hear ตัวเตี้ยดำ ขี้เก๊ก และดูวอนSon teen เป็นอันมากครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านผมระบายจนจบ ขอบพระคุณมากๆครับ
รักแท้แพ้ทอม เลิกกันไปเดือนกว่าแล้ว ผมต้องช่วยเธอผ่อนเครื่องซักผ้าอยู่ไหมครับ?
ผมคบผู้หญิงคนนึงเป็นแฟนกันมาได้5ปีแล้ว พื้นฐานทางครอบครัวเราต่างกันมาก
ครอบครัวผมทางบ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ส่วนตัวผมเอง เป็นอินทีเรียดีไซเนอร์ (ฟรีแลนซ์)
ส่วนครอบครัวของเธอ เธออยู่กับคุณป้าในชุมชนแออัดแห่งหนึ่งย่านลาดพร้าว
คุณป้าเธอเป็นแม่บ้าน และเธอทำงานเป็นฝ่ายธุรการในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือนประมาณ9พันกว่าบาท/เดือน
เมื่อคบมาได้ซักประมาณ3ปีกว่าๆผมและเธอก็มีความเห็นว่า อยากแต่งงาน เธอและครอบครัวเธอจะได้ย้ายออกมาจากสภาพแวดล้อมที่เป็นอยู่
ผมเลยไปคุยกับคุณป้าของเธอ ว่าอยากจะสู่ขอหลานสาว คุณป้าจะว่ายังไงบ้างครับ
คุณป้าของเธอ เรียกสินสอดผมจำนวน 5แสน ทอง20บาท บ้านใหม่1หลัง และรถยนต์ใหม่ป้ายแดง1คัน
โอ…… ผมstunไปเลยครับ เงินไม่ใช่น้อยๆเลยนะนั่น แต่ทางบ้านของผู้หญิง คงจะเห็นว่าครอบครัวของผมมีธุรกิจ น่าจะช่วยเหลือผมเต็มที่
ซึ่งมันก็จริงครับ ครอบครัวพร้อมยื่นมือเข้ามาช่วยผมเต็มที่
แต่เชื่อว่าด้วยความเป็นผู้ชาย จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็อยากจะโผบินด้วยปีกของตัวเองกันทุกคน
ผมจึงบอกคุณป้าของเธอว่าตกลงครับ ผมจะรีบหาสินทรัพย์มาสู่ขอหลานสาวคุณป้า
หลังจากนั้น ผมก็ทำงานหนักขึ้น รับงานมากขึ้น พักผ่อนน้อยลง แต่ก็ยังส่งเงินให้แฟนใช้จ่ายภายในบ้านของเธอ เดือนละประมาณ2หมื่นทุกเดือนไม่ตกหล่น
แต่ปัญหามันเริ่มจากนี้ครับ ผ่านไป1ปีแฟนผมและป้าเธอเริ่มเร่งรัด จะให้รีบแต่งได้แล้ว ผมจึงตัดสินใจไปรับจ๊อบ ออกแบบภายใน ที่ประเทศสิงคโปร์ เป็นเวลา6เดือน
ขณะที่อยู่ที่สิงคโปร์ เราก็เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น และเพื่อนของเธอก็คอยยุให้เธอเลิกกับผมหนักขึ้น เมื่อผมกลับถึงไทย สิ่งแรกที่ทำหลังจากไปหาครอบครัวผมเสร็จ ก็คือตรงไปที่บ้านของเธอเพื่อคุยกับคุณป้าเธอเรื่องสู่ขอ
แต่……
เธอมีแฟนใหม่เรียบร้อยแล้วครับ แฟนเธอเป็นทอมที่คอยคุมพวกเด็กนวดเด็กร้านคาราโอเกะอะไรประมาณนั้น จากที่ได้ยินมาจากเพื่อนๆผมเล่ามาอีกที
ส่วนคุณป้าเธอก็เห็นดีกับเธอด้วยที่เธอมีแฟนเป็นคนที่ทำอาชีพนี้
ผมก็เลยต้องคอตก กลับบ้านมาแบบ งงๆ
ก่อนกลับ คุณป้าของเธอ บอกว่าครอบครัวผมเห็นแก่ตัว ลูกจะแต่งงานไม่ยอมช่วยเรื่องเงินต้องให้ลูกหาเงินมาแต่งเอง และก็บอกว่าผมเห็นแก่ตัว ที่ทำงานฟรีแลนซ์ไม่มีเป้าหมายในชีวิต ดูไม่มั่นคง แล้วแบบนี้จะเลี้ยงหลานเค้าได้อย่างไร ผมก็ได้แต่คิดในใจ ว่าแล้วที่ผ่านมาผมก็เลี้ยงทั้งแฟน และเลี้ยงทั้งครอบครัวแฟนนี่หน่า
น่าแปลกนะครับทั้งๆที่ครอบครัวผมไม่เคยดูถูกหรือว่าครอบครัวเธอเลย มิหนำซ้ำยังพร้อมช่วยเหลือครอบครัวของเธอเสมอมา ถ้าไม่นับเรื่องแต่งงาน ที่ผมได้ยืนยันว่าผมจำทำด้วยตัวของผมเอง แต่กลับโดนครอบครัวของเธอด่าครอบครัวผม เหมือนผมและทางบ้านเป็นกากเดนซะเต็มประดา
ผมกลับมาถึงบ้าน ก็นั่ง งง กับชีวิตตัวเอง รวบรวมสติและค่อยๆประมวลผล
สินสอดที่ครอบครัวเธอเรียกมา สำหรับผม ไม่ใช่น้อยๆเลย
คงผิดที่ผมเอง ที่ตัดสินใจกางปีกเอง
แล้ว ที่ครอบครัวเธอคุยกับผมไว้ ว่า”อยากจะหลุพ้นจากสลัมนี่ซักที” มันคืออะไร?
ผ่านไปได้เดือนกว่าแล้ว
ล่าสุดเมื่อ3วันที่แล้วคุณป้าของเธอโทรมาต่อว่าผม เพราะผมไม่ส่งเงินไปช่วยผ่อนค่าเครื่องซักผ้าที่เธอซื้อใหม่โดยใช้บัตรผ่อน บอกว่าผมไม่ใช่ลูกผู้ชาย
ผมควรจะส่งเงินไปช่วยเธอดีไหมครับ หลังจากเจอเหตุการณ์แบบนี้?
ปัจฉิมลิขิต : ส่วนตัวผมไม่ได้อคติกับทอมนะครับ ผมมีเพื่อนเป็นทอมที่มีนิสัยน่ารักเยอะมาก แต่แฟนทอมคนใหม่ของเธอ อยู่ในประเภท หน้า hear ตัวเตี้ยดำ ขี้เก๊ก และดูวอนSon teen เป็นอันมากครับ
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านผมระบายจนจบ ขอบพระคุณมากๆครับ